วันพฤหัสบดีที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ต้นสนทะเล



ต้นสนทะเล


1.ชื่อพันธ์ไม้    สนทะเล

2.ชื่อสามัญ      Common Ironwood, She Oak, Beefwood, Queensland Swamp Oak

3.  ชื่อวิทยาศาสตร์    Casuarina equisetifalia J. R. & C. Forst.

4.  ชื่อวงศ์       Casuarinaceae

5.รหัสพรรณไม้   7-67120-001-071/4


6.การใช้ประโยชน์
                                สนทะเลจัดเป็นไม้โตเร็วอเนกประสงค์ที่สามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินเกือบทุกชนิด และให้ประโยชน์ได้หลายอย่างด้วยกันคือ
                                1.  ใช้เป็นเชื้อเพลิง  ไม้สนทะเลเป็นไม้ที่ติดไฟได้ดีและให้ความร้อนสูงมาก จนได้รับขนานนามว่า เป็นไม้ฟืนที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งติดไฟได้สม่ำเสมอทั้งไม้สดและไม้แห้ง และสามารถนำไม้มาใช้เผาเป็นถ่านได้ดี ให้ค่าความร้อน 7,410 แคลอรี่/กรัม (สมาคมป่าไม้แห่งประเทศไทย, 2527) นอกจากนี้ขี้เถ้าของไม้สนทะเลยังเก็บความร้อนไว้ได้นานอีกด้วย และใบของสนทะเลในการเดินเครื่องจักรของรถจักรไอน้ำของการรถไฟ และในรัฐ karnataka ของอินเดียได้ถือว่าไม้สนทะเลเป็นชนิดไม้ที่สำคัญสำหรับใช้ในการปลูกเป็นสวนป่าเพื่อใช้ทำเป็นเชื้อเพลิง
                                2.  ใช้ประโยชน์ในการฟอกหนัง  เปลือกของไม้สนทะเลมีน้ำฝาดและสีซึ่งมีเทนนิน อยู่ประมาณ 6-18% น้ำฝาดจากเปลือกสนทะเลใช้ในการฟอกหนัง โดยการซึมซาบเข้าไปในหนังที่ฟอกอย่างรวดเร็ว ทำให้หนังพองตัวและมีลักษณะอ่อนนุ่ม สีของหนังที่ฟอกด้วยเปลือกสนทะเลจะเป็นสีน้ำตาลปนแดงอ่อน ๆ
3.  ใช้ประโยชน์ในการทำกระดาษ  เนื้อไม้ของสนทะเลสามารถนำมาใช้ทำกระดาษได้โดยใช้ Neutral sulfite semi-chemical
4.  เนื้อไม้ใช้ทำเสาเข็มในการก่อสร้าง เสาโป๊ะ เสาบ้าน เสาไฟฟ้า ทำเป็นโครงนั่งร้าน ด้ามเครื่องมือ ด้ามแจว แอก ล้อเกวียน เป็นต้น
5.  ใช้เป็นสมุนไพร  สามารถนำเปลือกมาต้มกับน้ำเป็นยาฝาดสมานใช้รักษาโรคท้องเดินเรื้อรังและแก้บิด กิ่งแขนงเอามาชงกับน้ำรับประทานเป็นยาขับปัสสาวะ
6.  ประโยชน์ด้านอื่น ๆ เช่น ปลูกตามหาดทรายทะเลเพื่อป้องกันการกัดเซาะของน้ำทะเล ปลูกเป็นแนวกันลมได้ดี ใช้ปลูกในพื้นที่ดินเสื่อมโทรมเพื่อแก้ปัญหาในเรื่องการใช้ที่ดินเสื่อมโทรมให้เป็นประโยชน์ ใช้ปลูกเป็นรั้วบ้าน นิยมนำสนทะเลไปปลูกเป็นไม้ประดับเนื่องจากตัดและตกแต่งเป็นรูปทรงต่าง ๆ ได้สวยงาม

7.ลักษณะทางวนวัฒนวิทยา
                                สนทะเล เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ความสูงเฉลี่ยประมาณ 10-25 เมตร แต่บางต้นอาจมีความสูงถึง 50 เมตร ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 80 เซนติเมตร ลำต้นเปลา ตรง กิ่งชลูดขึ้นไปทางปลายยอด เรือนยอดมักเป็นรูปกรวยคว่ำ มีกิ่งทำมุมป้านหรือตั้งฉากกับลำต้นและไม่เป็นระเบียบ กิ่งย่อยมีสีเขียวเรียวเล็กมากคล้ายรูปเข็มต่อกันเป็นปล้อง ๆ ลำต้นมีเปลือกนอกสีน้ำตาลปนเทา เปลือกแตกเป็นร่องตื้น เปลือกในมีสีน้ำตาลแดง กระพี้สีน้ำตาลอ่อน แยกจากแก่นเห็นได้ชัด แก่นมีสีน้ำตาลแดง
                                ใบ  ลักษณะเป็นเกล็ด (scale leaf) เล็กละเอียด สีขาว ๆ เขียว ๆ ออกตามข้อของกิ่งย่อย มีข้อละ 7 ใบ เรียงกันเป็นช่อวงกลม (whorled) ลักษณะคล้ายหนามแหลม ๆ รูปสามเหลี่ยมและส่วนของกิ่งย่อยสีเขียวเป็นเส้นแหลม ๆ คือ ส่วนที่ทำหน้าที่ในการปรุงอาหารเลี้ยงลำต้น
                                ดอก  มีขนาดเล็ก ดอกเพศผู้และดอกเพศเมียแยกกันอยู่คนละดอกกัน ดอกเพศผู้ไม่มีก้านดอก จัดเรียงตัวเป็นรูปช่อยาวเรียว ๆ (silender spikes) ออกตามปลายกิ่ง ดอกเป็นรูปกระบองเรียว ๆ ยาวประมาณ 1-3 เซนติเมตร ดอกตัวเมียสีน้ำตาลแดง ลักษณะเป็นรูปลูกตุ้มเล็ก ๆ ออกตามกิ่งและง่ามกิ่ง ดอกทั้งสองเพศอยู่บนกิ่งใหญ่กิ่งเดียวกัน
                                ผล  มีขนาดเล็ก ลักษณะเป็นรูปกลม (cone) เปลือกแข็ง ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.75 นิ้ว แต่ละผลประกอบด้วยผลย่อย (แบบ achene) เรียงตัวแทรกอยู่ในผลใหญ่ ผลอ่อนจะมีสีเขียวนวล เมื่อแก่จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ผลเมื่อแก่จะแตกออกตามรอยประสาน
                                เมล็ด  ลักษณะเป็นรูปกลมรี ๆ มีปีกหรือครีบบาง ๆ ที่ปลายเมล็ด (winged achenes) เมล็ดมีน้ำหนักเบาขนาดเล็กมาก ลมสามารถพัดพาให้ลอยไปไกล ๆ ได้
                                ลักษณะเนื้อไม้  สีแดงแกมน้ำตาลอ่อนถึงเข้ม เสี้ยนตรง เนื้อหยาบปานกลาง เลื่อยผ่า ตกแต่งไม่ยาก แข็ง ผึ่งยาก ใช้ในร่มทนทานพอควร ความถ่วงจำเพาะประมาณ 0.88 (13%) ความทนทานตามธรรมชาติตั้งแต่ 2-8 ปี เฉลี่ยประมาณ 4.9 ปี อาบน้ำยาไม้ได้ค่อนข้างยาก (ชั้นที่ 3)


8.การกระจายพันธุ์ตามธรรมชาติ
                                สนทะเล  เป็นไม้ที่ขึ้นเป็นหมู่ เป็นพืชอยู่ตามชายฝั่งทะเลที่เป็นดินทรายหรือทราย และมีการระบายน้ำทั่วไป มักจะพบมากตามชายฝั่งตอนเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศออสเตรเลีย ตามหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิค ตั้งแต่อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย อินเดีย ศรีลังกา ปากีสถาน จนถึงโพลีนีเซีย ซึ่งมีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 10-35 องศาเซลเซียส
                                ต้นสนทะเลเป็นต้นไม้ที่สามารถขึ้นได้ดีในท้องถิ่นที่มีอากาศอบอุ่นไปจนถึงท้องถิ่นที่มีอากาศร้อนและเป็นไม้ที่สามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของอากาศในโซนร้อนได้ดี แต่ไม่ชอบอากาศที่หนาวจัดจนเป็นเกล็ดน้ำแข็ง (frost) สามารถเจริญงอกงามดีตั้งแต่พื้นดินที่มีระดับต่ำเท่ากับระดับน้ำทะเลไปจนถึงพื้นที่ที่มีความสูงถึง 1,500 เมตร จากระดับน้ำทะเล ปริมาณน้ำฝนตั้งแต่ 700-2,000มิลลิเมตร/ปี

                                ในประเทศไทย สนทะเลเป็นไม้พื้นเมืองของไทย พบขึ้นอยู่ตามธรรมชาติในแถบพื้นดินหาดทรายชายทะเลทั่วไป เช่น ตามหาดทรายชายทะเลในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ระนอง พังงา ภูเก็ต ตรัง สงขลา กระบี่ และตามเกาะต่าง ๆ