ต้นสนทะเล
1.ชื่อพันธ์ไม้ สนทะเล
2.ชื่อสามัญ Common Ironwood, She Oak, Beefwood, Queensland Swamp
Oak
3. ชื่อวิทยาศาสตร์ Casuarina
equisetifalia J. R. & C. Forst.
4. ชื่อวงศ์
Casuarinaceae
5.รหัสพรรณไม้ 7-67120-001-071/4
6.การใช้ประโยชน์
สนทะเลจัดเป็นไม้โตเร็วอเนกประสงค์ที่สามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินเกือบทุกชนิด
และให้ประโยชน์ได้หลายอย่างด้วยกันคือ
1. ใช้เป็นเชื้อเพลิง ไม้สนทะเลเป็นไม้ที่ติดไฟได้ดีและให้ความร้อนสูงมาก
จนได้รับขนานนามว่า เป็นไม้ฟืนที่ดีที่สุดในโลก
ซึ่งติดไฟได้สม่ำเสมอทั้งไม้สดและไม้แห้ง และสามารถนำไม้มาใช้เผาเป็นถ่านได้ดี
ให้ค่าความร้อน 7,410 แคลอรี่/กรัม (สมาคมป่าไม้แห่งประเทศไทย, 2527) นอกจากนี้ขี้เถ้าของไม้สนทะเลยังเก็บความร้อนไว้ได้นานอีกด้วย
และใบของสนทะเลในการเดินเครื่องจักรของรถจักรไอน้ำของการรถไฟ และในรัฐ karnataka ของอินเดียได้ถือว่าไม้สนทะเลเป็นชนิดไม้ที่สำคัญสำหรับใช้ในการปลูกเป็นสวนป่าเพื่อใช้ทำเป็นเชื้อเพลิง
2. ใช้ประโยชน์ในการฟอกหนัง เปลือกของไม้สนทะเลมีน้ำฝาดและสีซึ่งมีเทนนิน
อยู่ประมาณ 6-18% น้ำฝาดจากเปลือกสนทะเลใช้ในการฟอกหนัง
โดยการซึมซาบเข้าไปในหนังที่ฟอกอย่างรวดเร็ว ทำให้หนังพองตัวและมีลักษณะอ่อนนุ่ม
สีของหนังที่ฟอกด้วยเปลือกสนทะเลจะเป็นสีน้ำตาลปนแดงอ่อน ๆ
3. ใช้ประโยชน์ในการทำกระดาษ เนื้อไม้ของสนทะเลสามารถนำมาใช้ทำกระดาษได้โดยใช้ Neutral
sulfite semi-chemical
4. เนื้อไม้ใช้ทำเสาเข็มในการก่อสร้าง เสาโป๊ะ เสาบ้าน เสาไฟฟ้า
ทำเป็นโครงนั่งร้าน ด้ามเครื่องมือ ด้ามแจว แอก ล้อเกวียน เป็นต้น
5. ใช้เป็นสมุนไพร สามารถนำเปลือกมาต้มกับน้ำเป็นยาฝาดสมานใช้รักษาโรคท้องเดินเรื้อรังและแก้บิด
กิ่งแขนงเอามาชงกับน้ำรับประทานเป็นยาขับปัสสาวะ
6. ประโยชน์ด้านอื่น ๆ เช่น
ปลูกตามหาดทรายทะเลเพื่อป้องกันการกัดเซาะของน้ำทะเล ปลูกเป็นแนวกันลมได้ดี
ใช้ปลูกในพื้นที่ดินเสื่อมโทรมเพื่อแก้ปัญหาในเรื่องการใช้ที่ดินเสื่อมโทรมให้เป็นประโยชน์
ใช้ปลูกเป็นรั้วบ้าน
นิยมนำสนทะเลไปปลูกเป็นไม้ประดับเนื่องจากตัดและตกแต่งเป็นรูปทรงต่าง ๆ ได้สวยงาม
7.ลักษณะทางวนวัฒนวิทยา
สนทะเล เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ความสูงเฉลี่ยประมาณ 10-25 เมตร แต่บางต้นอาจมีความสูงถึง 50 เมตร
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 80 เซนติเมตร ลำต้นเปลา
ตรง กิ่งชลูดขึ้นไปทางปลายยอด เรือนยอดมักเป็นรูปกรวยคว่ำ
มีกิ่งทำมุมป้านหรือตั้งฉากกับลำต้นและไม่เป็นระเบียบ กิ่งย่อยมีสีเขียวเรียวเล็กมากคล้ายรูปเข็มต่อกันเป็นปล้อง
ๆ ลำต้นมีเปลือกนอกสีน้ำตาลปนเทา เปลือกแตกเป็นร่องตื้น เปลือกในมีสีน้ำตาลแดง
กระพี้สีน้ำตาลอ่อน แยกจากแก่นเห็นได้ชัด แก่นมีสีน้ำตาลแดง
ใบ ลักษณะเป็นเกล็ด (scale
leaf) เล็กละเอียด สีขาว ๆ เขียว ๆ ออกตามข้อของกิ่งย่อย
มีข้อละ 7 ใบ เรียงกันเป็นช่อวงกลม (whorled) ลักษณะคล้ายหนามแหลม ๆ
รูปสามเหลี่ยมและส่วนของกิ่งย่อยสีเขียวเป็นเส้นแหลม ๆ คือ
ส่วนที่ทำหน้าที่ในการปรุงอาหารเลี้ยงลำต้น
ดอก มีขนาดเล็ก ดอกเพศผู้และดอกเพศเมียแยกกันอยู่คนละดอกกัน
ดอกเพศผู้ไม่มีก้านดอก จัดเรียงตัวเป็นรูปช่อยาวเรียว ๆ (silender
spikes) ออกตามปลายกิ่ง ดอกเป็นรูปกระบองเรียว ๆ ยาวประมาณ 1-3 เซนติเมตร ดอกตัวเมียสีน้ำตาลแดง ลักษณะเป็นรูปลูกตุ้มเล็ก ๆ
ออกตามกิ่งและง่ามกิ่ง ดอกทั้งสองเพศอยู่บนกิ่งใหญ่กิ่งเดียวกัน
ผล มีขนาดเล็ก ลักษณะเป็นรูปกลม (cone) เปลือกแข็ง ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.75 นิ้ว แต่ละผลประกอบด้วยผลย่อย (แบบ achene) เรียงตัวแทรกอยู่ในผลใหญ่ ผลอ่อนจะมีสีเขียวนวล
เมื่อแก่จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ผลเมื่อแก่จะแตกออกตามรอยประสาน
เมล็ด ลักษณะเป็นรูปกลมรี ๆ มีปีกหรือครีบบาง
ๆ ที่ปลายเมล็ด (winged achenes) เมล็ดมีน้ำหนักเบาขนาดเล็กมาก
ลมสามารถพัดพาให้ลอยไปไกล ๆ ได้
ลักษณะเนื้อไม้ สีแดงแกมน้ำตาลอ่อนถึงเข้ม
เสี้ยนตรง เนื้อหยาบปานกลาง เลื่อยผ่า ตกแต่งไม่ยาก แข็ง ผึ่งยาก
ใช้ในร่มทนทานพอควร ความถ่วงจำเพาะประมาณ 0.88 (13%) ความทนทานตามธรรมชาติตั้งแต่ 2-8 ปี
เฉลี่ยประมาณ 4.9 ปี อาบน้ำยาไม้ได้ค่อนข้างยาก (ชั้นที่ 3)
8.การกระจายพันธุ์ตามธรรมชาติ
สนทะเล เป็นไม้ที่ขึ้นเป็นหมู่
เป็นพืชอยู่ตามชายฝั่งทะเลที่เป็นดินทรายหรือทราย และมีการระบายน้ำทั่วไป
มักจะพบมากตามชายฝั่งตอนเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศออสเตรเลีย
ตามหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิค ตั้งแต่อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย อินเดีย ศรีลังกา
ปากีสถาน จนถึงโพลีนีเซีย ซึ่งมีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 10-35 องศาเซลเซียส
ต้นสนทะเลเป็นต้นไม้ที่สามารถขึ้นได้ดีในท้องถิ่นที่มีอากาศอบอุ่นไปจนถึงท้องถิ่นที่มีอากาศร้อนและเป็นไม้ที่สามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของอากาศในโซนร้อนได้ดี
แต่ไม่ชอบอากาศที่หนาวจัดจนเป็นเกล็ดน้ำแข็ง (frost) สามารถเจริญงอกงามดีตั้งแต่พื้นดินที่มีระดับต่ำเท่ากับระดับน้ำทะเลไปจนถึงพื้นที่ที่มีความสูงถึง 1,500 เมตร จากระดับน้ำทะเล ปริมาณน้ำฝนตั้งแต่ 700-2,000มิลลิเมตร/ปี
ในประเทศไทย สนทะเลเป็นไม้พื้นเมืองของไทย
พบขึ้นอยู่ตามธรรมชาติในแถบพื้นดินหาดทรายชายทะเลทั่วไป เช่น
ตามหาดทรายชายทะเลในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ระนอง พังงา ภูเก็ต ตรัง สงขลา กระบี่
และตามเกาะต่าง ๆ